ข่าวสารกิจกรรม

เดินหน้าพัฒนาคุณภาพชีวิตการทำงานภาครัฐ

Posted On 14/03/2562 By Admin

จากรายงาน ผลวิจัยตามยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพชีวิตข้าราชการพลเรือนสามัญประจำปี พ.ศ.2554-2556 โดยสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า ปัญหาหลักเกี่ยวกับการทำงานและคุณภาพชีวิตในภาพรวมของข้าราชการไทย ยังเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการผลักดันตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ พลเรือน พ.ศ.2551 ว่าด้วยการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตการทำงานสำหรับทรัพยากรบุคคลภาครัฐที่ดีพอ โดยมีปัญหาซึ่งเห็นเด่นชัดคือ เรื่องหนี้สิน ความเคร่งเครียดในงานและชีวิตส่วนตัว และปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ซึ่งทั้งหมดล้วนเกี่ยวพันกับประสิทธิภาพการทำงานในระดับบุคคล ทั้งต่อเนื่องไปถึงระดับโครงสร้างการพัฒนาประเทศ


ดร.ศิริ เชษฐ์ สังขะมาน หัวหน้าโครงการ ‘แผนงานสร้างเสริมคุณภาพชีวิตการทำงานองค์กรภาครัฐ’ สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เปิดเผยว่า “เราพบว่า 1 ใน 3 ของข้าราชการ มีหนี้สินเพื่อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและยานพาหนะแต่ยังผ่อนชำระไม่หมด กว่า 20% มีความเครียดสูง ซึ่ง 5% ในกลุ่มนี้จัดว่ามีความเครียดสูงมาก และยังมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ โดยมีอัตราของผู้มีโรคประจำตัวมากถึง 1 ใน 3 ของข้าราชการทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความไม่พึงพอใจในระบบงานและสภาพแวดล้อมการทำงาน รวมถึงโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่าความคาดหมายที่ควรได้รับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าตอบแทน ความยุติธรรมและความสัมพันธ์ในองค์กร สภาพแวดล้อมในการทำงาน การพัฒนาส่วนบุคคล แนวโน้มความก้าวหน้าและความมั่นคงในการทำงาน ยังไม่รวมถึงเรื่องสิทธิ สวัสดิการ ซึ่งทั้งหมดทำให้การจัดเวลาการทำงานกับชีวิตส่วนตัวของข้าราชการไม่มีความ สมดุล ปัญหาเหล่านี้ล้วนเป็นเหตุให้คุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการส่วนใหญ่ต่ำ กว่ามาตรฐาน ซึ่งส่งผลเสียเป็นวงกว้างในระดับชาติ เราจึงมองว่าการจะทำให้ระบบราชการและการให้บริการประชาชนขององค์กรภาครัฐ ดำเนินไปได้ดีขึ้น ก็ต้องใช้หลักการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ดูแลให้พวกเขามีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งต้องใช้ปัจจัยหลายอย่างขับเคลื่อนร่วมกันเพื่อผลในระยะยาว”


“สำหรับ โครงการนี้เป็นผลมาจากงานวิจัย ซึ่งทำให้เราได้พบข้อเท็จจริงหลายประการของปัญหา จากนั้นจึงเกิดความร่วมมือระหว่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ช่วยเหลือเรื่องกรอบการทำงานในภาพรวม ซึ่งมีแนวคิดต้นแบบจาก น.พ.ชาญวิทย์ วสันธนารัตน์ ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สสส. ในเรื่องการชี้ให้เห็นความสำคัญของการพัฒนาระบบ ที่เริ่มจากการปรับปรุงคุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการให้ดีขึ้น ซึ่งต้องมีจุดฝังเมล็ดพันธุ์เพื่อขยายฐานรากให้แข็งแกร่ง และทำให้สังคมเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น”


ใน ส่วนของกลยุทธ์ ดร.ศิริเชษฐ์ อธิบายว่า “เราจะมียุทธศาสตร์หลักซึ่งใช้เป็นแกนในการขับเคลื่อนโครงการอยู่ชุดหนึ่ง อย่างแรกคือ การให้ความรู้ ที่จะเริ่มจากการฝึกอบรมในส่วนราชการระดับกรม ด้วยกลุ่มบุคคลซึ่งถูกคัดเลือกแล้วราว 500 คน ซึ่งมีคุณสมบัติในการเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงในองค์กรได้ แล้วคนกลุ่มนี้จะกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ที่จะนำองค์ความรู้กลับไปถ่ายทอดสู่คน อื่นๆ ทั้งในเรื่องการจัดการความรู้ หรือการจัดการกับคุณภาพชีวิตการทำงาน ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงต้องมีพลัง (Energy) และเป็นพลังขับเคลื่อน (Energizer) มีความสามารถในการจูงใจคน สร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง และมีความคิดสร้างสรรค์หลุดพ้นจากกรอบเดิมๆ จึงจะส่งมอบผลงานต่อไปได้ แล้วเมื่อมีการฝึกอบรมความรู้ ตรงนี้ก็จะเป็นเวทีแลกเปลี่ยนที่แต่ละส่วนราชการได้นำประสบการณ์และจุดเด่น จุดด้อยของระบบงานมาถ่ายทอดแบ่งปันกัน


“ขั้น ตอนต่อมาคือ การสนับสนุนให้เกิดการสร้างสื่อเพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างกัน ทั้งสื่อสารองค์กร และสื่อสังคมต่างๆ เพื่อส่งผ่านการรับรู้และกระตุ้นให้ตระหนักเห็นความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพ ชีวิตการทำงาน ตลอดจนเป็นกำลังใจให้บุคลากรเห็นว่า ณ วันนี้ระบบราชการได้มีการหันมาเอาใจใส่เรื่องคุณภาพชีวิตของคนในระบบราชการ อย่างจริงจังแล้ว

“และ สุดท้ายคือ การผลักดันเชิงนโยบาย อันเป็นแผนงานที่เมื่อทุกขั้นตอนเริ่มเป็นผลแล้ว เราจะผลักดันนโยบายใน 2 ด้าน คือจัดให้ส่วนราชการที่เข้าร่วมนำกิจกรรมที่เรียนรู้กลับไปปฏิบัติจริง แล้วจะมีการจัดประกวดในระดับชาติ เพื่อวัดผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม ถือเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอีกระดับหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่ง คือมีเวทีแสดงความคิดเห็นเชิงสนุทรียสนทนาในระดับผู้บริหารของหน่วยราชการ ที่เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อให้ผู้บริหารส่วนราชการอื่นๆ ได้เห็นว่าระบบราชการได้เกิดความเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างแล้ว โดยเฉพาะการให้คุณค่าเรื่องคุณภาพชีวิตการทำงานในหน่วยย่อยและระดับบุคคล ซึ่งจะช่วยในแง่ของกระแสที่จะแผ่ออกไปเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ”


ความ คิดสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทางโครงการฯ นำมาใช้ คือหลักความสุข 8 ประการ ซึ่งเริ่มต้นโดย สสส. และทางสถาบันวิจัยสังคมฯ ได้นำมาใช้ขับเคลื่อนให้โครงการฯ ให้ดำเนินไปตามเนื้อหาของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ที่ ดร.ศิริเชษฐ์ กล่าวถึงจุดมุ่งหมายหลักของโครงการฯ ว่า “สสส. คือหน่วยงานที่เริ่มต้นให้ความสนใจในเรื่องของคุณภาพชีวิตการทำงานของข้า ราชการ แล้วทางสถาบันฯ ได้รับมอบภารกิจในการช่วยขยับให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยมองว่า ทางจุฬาฯ เอง ก็มีฐานะเป็นโรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือนแห่งแรกของประเทศ มีวิสัยทัศน์ที่จะเป็น “เสาหลักของแผ่นดิน” และได้สั่งสมองค์ความรู้จากการวิจัยมาในระดับหนึ่ง จึงมีความคิดในเรื่องการตอบแทนสังคม ซึ่งเราเห็นว่ายังมีจุดที่ยังขับเคลื่อนไม่ชัดและสามารถจะเข้าไปผลักดันได้ ยิ่งในอนาคตเมื่อมีเรื่องของประชาคมอาเซียน มีสังคมของอีก 9 ประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง เรายิ่งจำเป็นต้องพัฒนาทรัพยากรบุคคลในภาครัฐให้พร้อมทั้งกายใจ เพราะเมื่อข้าราชการมีคุณภาพชีวิตการทำงานที่ดี ผลดีก็จะบังเกิดกับระบบทั้งหมด เป็นขวัญกำลังใจให้ข้าราชการ ทำให้ภาครัฐสามารถเก็บคนดีคนเก่งไว้ในองค์กรได้ ทั้งยังดึงเอาบุคลากรใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมงานได้อีกด้วย อันเป็นการตอบโจทย์อีกประการหนึ่งในเรื่องการแย่งชิงคนเก่ง (War of Talents) ที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต


“สำหรับ ตอนนี้ทางโครงการฯ ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และยังเปิดรับองค์กรภาครัฐต่างๆ ที่ยินดีเข้าร่วมอยู่ โดยมีหน่วยงานราชการที่เข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่ายแล้ว 11 ส่วนราชการระดับกรม หรือเทียบเท่ากรม คือ ราชบัณฑิตยสถาน กรมชลประทาน กรมราชทัณฑ์ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรมสุขภาพจิต กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็กเยาวชนผู้ด้อยโอกาสและผู้สูง อายุ กับอีก 2 องค์กรขนาดใหญ่ คือ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และโรงพยาบาลบ้านแพ้ว


ที่มา : บ้านเมือง

ข่าวสารอื่นๆ

ถนนแห่งความสุข

การประชุมเสนอผลงานสร้างเสริมคุณภาพชีวิตการทำงาน “ถนนแห่งความสุข HAPPY HIGHWAY” 18 หน่วยงานภาครัฐร่วมขยายผล หลังเซ็น MOU สร้างเครือข่ายองค์กรแห่งความสุข

View more

test

sss

View more

ความสุขคนทำงานรากฐาน ‘องค์กรสร้างสุข’

หนึ่งในองค์ประกอบของแรงขับเคลื่อนคือ คนทำงานมีความสุข ภาคีเครือข่ายและสสส.

View more

ความสุขคนทำงาน รากฐาน องค์กรสร้างสุข

องค์กรจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้นั้น หนึ่งในองค์ประกอบของแรงขับเคลื่อนคือ คนทำงานมีความสุข ภาคีเครือข่าย

View more